นอกจากระบบการขับขี่อัตโนมัติที่ค่อนข้างจะสมบูรณ์แบบแล้ว จากการที่ Tesla ได้ออกซอฟแวร์ใหม่ในปีนี้ ทำให้ระบบการขับขี่อัตโนมัติเข้าใกล้ความสมบูรณ์แบบมากขึ้นไปอีก ความเจ๋งของเจ้ารถคันที่ว่านี้นอกจากการจอดรถด้วยตัวเอง เรียกรถมารับเราได้ถึงที่ หรือแม้แต่การเปลี่ยนเลนส์แบบปลอดภัยแล้ว ยังเพิ่มเรื่องของการเตือนการชนด้านข้างของรถเข้าไปด้วย
ทำให้เรารู้สึกได้ถึงความปลอดภัยและความสะดวกในการอัพเดทเวอร์ชั่นของซอฟแวร์ควบคุมด้วยการแจ้งเตือนเหมือนในโทรศัพท์มือถือซะอีกด้วย จากความล้ำหน้าของรถยนต์แห่งอนาคตที่เล่าให้ฟังนั้น นอกจากช่วยให้เรากล้าที่จะคิดอะไรใหม่ๆ หรือแม้แต่กล้าที่จะสร้างนวัตกรรมแล้ว เรายังมองเผื่ออนาคตในเรื่องของความปลอดภัยในการขับขี่ได้ด้วย เช่น ถ้าจะเริ่มจากการขับขี่แบบกึ่งอัตโนมัติซึ่งก็คือ รถยนต์จะควบคุมตัวเองในช่วงที่รถติด หรือช่วยเราในขณะจอดรถแล้วล่ะก็เรายังคงต้องประคองพวงมาลัยไว้ก่อน เพราะงั้นการทำประกันรถยนต์ก็ต้องคลอบคลุมในช่วงที่ว่านี้ด้วย และเมื่อเราเข้าสู่การขับขี่แบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบการประกันรถก็น่าจะมีเบี้ยที่ถูกลงมากเพราะอัตราการเกิดอุบัติเหตุก็น่าจะลดลงด้วยเช่นกัน Autonomous car สื่อถึงรถยนต์ที่สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระ โดยที่ไม่ต้องมีมนุษย์ในการขับเคลื่อนนั่นเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการมาของรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง Tesla ที่มีระบบ Auto Pilot ที่รถสามารถเคลื่อนตัวเองได้ เพียงแค่กรอกว่าเราจะไปที่ไหน รถก็สามารถพาเราไปส่งถึงปลายทางได้เลย แต่เอาจริงแล้ว ระบบ Autonomous car ไม่ได้อ้างอิงว่าจะต้องเป็นรถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น ไม่ว่าจะใช้เชื้อเพลิงแบบไหน ก็สามารถเป็นรถยนต์ระบบนี้ได้ทั้งนั้น แต่ด้วยปัจจุบัน โลกกำลังหันหายานยนต์ไฟฟ้ากันหมด ดังนั้นการพัฒนาระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ ส่วนใหญ่จึงอยู่บนพื้นฐานการทำงานบนรถยนต์ไฟฟ้ากัน